4 แมพสุดยากบรรลัยในเกม Osu!

ผู้เล่น Osu! หลายคนจะทราบกันอยู่แล้วว่าในเกมนี้ผู้พัฒนาเปิดโอกาสให้เราสร้างแมพขึ้นมาใหม่เองได้ผ่านโหมดที่มีชื่อว่า Edit

และด้วยความอิสระในการปรับแต่ง ไม่มีการตั้งข้อกำหนดไว้ว่าผู้สร้างจำเป็นต้องเล่นให้ผ่านด้วยแบบ Super Mario Maker  มันก็จะทำให้มีผู้เล่นบางส่วนนึกสนุกสร้างแมพที่ยากต่อการเอาชนะ ผู้เล่นอื่นโหลดมาลองเล่นดูก็ต้องพากันมองตาปริบ ๆ แล้วแอบคิดว่า “แมพนี่มันเล่นผ่านได้จริง ๆ น่ะหรอ?” ซึ่งในบทความนี้เราจะมายกตัวอย่างแมพเหล่านั้นกัน โดยจะเป็นแมพที่พิสูจน์มาแล้วว่ามีผู้ที่สามารถเล่นผ่านได้จริงแบบไม่ใช้ No – Fail (เล่นพลาดแค่ไหนก็สามารถผ่านได้)

1.The Quick Brown Fox – The Big Black [WHO’S AFRAID OF THE BIG BLACK]

แมพนี้ถูกสร้างขึ้นในปี  2012 โดย Username ที่มีชื่อว่า Blue Dragon  ความยากของแมพนี้เป็นที่กล่าวขานเอามาก ๆ  จากเหล่าผู้เล่นทุกโหมด  (osu!, osu!taiko, osu!catch และ osu!mania) แม้ว่าในปัจจุบันความน่ากลัวของแมพนี้อาจจะไม่ได้มากเทียบเท่ากับสมัยก่อนแล้ว แต่ก็ยังเป็นแมพที่เหล่าผู้เล่นใหม่ควรลองผ่านไปให้ได้สักครั้งอยู่ดี

2.Everything will freeze [Time Freeze]

แมพนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2014 โดย Username ที่มีชื่อว่า Ekoro เป็นแมพที่มีจังหวะเพลงอันแสนรวดเร็ว ทำให้ตัวโน๊ตก็มาเร็วและไปเร็วไม่แพ้จังหวะเพลง  ในปัจจุบันผู้ที่สามารถเล่นผ่านไปได้โดยไม่ใช้ Mod เพิ่มความง่าย ( Half Time, Easy) ก็มีจำนวนมากพอสมควร แต่คนที่สามารถเล่นแมพนี้ให้ผ่านไปได้โดยไม่พลาดเลยแม้แต่ตัวเดียวก็มีไม่เยอะสักเท่าไร

3.DADADADADADADADADADA (Long Version) [ULTRA BERZERK]

แมพนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2015 โดย Username ที่มีชื่อว่า Lokovodo หากมองชื่อแมพก็คงเดาได้ไม่ยากถึงความเร็วของจังหวะเพลง แต่ว่าตัวโน๊ตที่ทางผู้สร้างวางไว้กลับเร็วยิ่งกว่านั้น จึงไม่แปลกที่ทางสถิติจะพบว่ายังมีผู้ที่เล่นพลาดอยู่เยอะมาก พบผู้เล่นที่ไม่พลาดเลยอยู่เพียงแค่ 2 โหมดคือ osu!taiko และ osu!mania

4.t+pazolite – Count down 321 [0 Count]

แมพนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 2015 โดย Username ที่มีชื่อว่า Nakagawa-Kanon ถ้าหากลองดูสถิติจะพบว่าส่วนใหญ่ยังคงใช้ Mod เพื่อช่วยในการผ่านอยู่ และยิ่งถ้าดูในโหมด Osu! แล้วจะพบว่ามีน้อยคนมากที่สามารถผ่านแมพนี้ไปได้โดยไม่ใช้ No – Fail  แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่าแมพนี้ยากมากแค่ไหน

จบกันไปแล้วสำหรับการยกตัวอย่างแมพที่ยากต่อการเอาชนะ ซึ่งแมพเหล่านี้ก็ถือว่าเสน่ห์อย่างหนึ่งของเกม Osu! และอาจจะเป็นเสน่ห์ของเกมแนว Rhythm อีกหลาย ๆ เกมด้วยเช่นกัน เพราะ ฝีมือในการเล่นย่อมมีการพัฒนาเมื่อเวลาผ่านไป ทำให้เรามักจะโหยหาสิ่งที่ดีพอจะมาท้าทายฝีมือของเราอยู่เสมอ และด่านยากเหล่านี้ก็มาเพื่อตอบโจทย์กับความต้องการนั้น ๆ

3 เกมเกี่ยวกับการซ่อนแอบ ทั้งแบบเล่นคนเดียวและออนไลน์

ซ่อนแอบนั้นเป็นการละเล่นที่รู้จักกันไปทั่วโลก  เนื่องด้วยวิธีการเล่นที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ฟังความรู้เรื่องก็ยังสามารถเข้าใจได้  แน่นอนว่าการละเล่นนี้ก็ถูกนำมาสร้างเป็นเกมเช่นเดียวกัน ซึ่งในบทความนี้เราจะมากล่าวถึง 3 เกมที่ให้เราไปแอบกัน โดยเกมอาจจะมีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างออกไปจากแบบดั้งเดิมเพื่อให้การเล่นนั้นมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

1. PropHunt (Garry’s Mod)

PropHunt เป็นโหมดหนึ่งภายในเกม Garry’s Mod เริ่มแรกถูกสร้างโดยผู้เล่นที่มีชื่อว่า Kowalski7cc ตัวเกมจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง โดยฝั่งหนึ่งจะเป็น Props หรือผู้ซ่อน ซึ่งสามารถแปลงตัวเองเป็นสิ่งของอะไรก็ได้ที่อยู่ในฉาก (แต่เลือดในตัวก็จะถูกปรับเปลี่ยนไปตามขนาดสิ่งของ) ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะเป็น Hunters หรือผู้หา ซึ่งฝั่งนี้จะมีปืนและอาวุธไว้สำหรับค้นหาผู้เล่นที่เป็น Props แต่ถ้าโจมตีโดนสิ่งของทั่วไป เลือดในตัวก็จะลดลง

2.Hide Online – Hunters vs Props –

มีเกมแนวซ่อนแอบอยู่หลายเกมเลยทีเดียวที่รูปแบบการเล่นได้รับอิทธิพลมาจาก PropHunt ซึ่งเกม Hide Online เองก็เป็นหนึ่งในนั้น

Hide Online เป็นเกมที่ถูกพัฒนาโดย HitRock Games สามารถเล่นได้ฟรีทั้งบนเว็บ และบน IOS/Android (แต่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกับบนเว็บมากกว่า) แม้ว่ารูปแบบการเล่นไม่ค่อยแตกต่างอะไรจาก PropHunt มากนัก แต่ก็มีส่วนที่เพิ่มเติมมาอยู่นั่นก็คือ ผู้เล่นที่เป็น Props สามารถส่งเสียงหลอกล่อผู้เล่นที่เป็น Hunters ได้

เสริม : ตัวเกมเวอร์ชั่นบนเว็บและบน IOS/Android  ไม่เหมือนกัน โดยคาดว่าเวอร์ชั่นบนเว็บน่าจะเป็นตัวเกมเวอร์ชั่นแรก ๆ ก่อนที่จะพัฒนาต่อมาเป็นเกมแอพพลิเคชั่น

3.Hello Neighbor   

แม้เกมนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงเท่าไรกับการเล่นซ่อนแอบ แต่ก็เป็นเกมที่เราจำเป็นต้อง “แอบ” เพื่อเอาตัวรอด

Hello Neighbor เป็นเกมที่พัฒนาโดย Dynamic Pixels และจัดจำหน่ายโดย tinyBuild มีให้เล่นทั้งเวอร์ชั่น PC และ IOS/Android  ในเกมนี้เราจะได้รับบทเป็นเด็กชายคนหนึ่งซึ่งจะเข้าไปสืบภายในบ้านของชายผู้เป็นเพื่อนบ้านของเขา เพื่อค้นหาความลับที่ชายผู้นี้ได้ซ่อนเอาไว้ ระหว่างที่เล่นเราจำเป็นจะต้องหลบซ่อนจากชายคนดังกล่าวที่พยายามจะตามจับตัวเราด้วย

เสน่ห์อย่างหนึ่งของเกมนี้ก็คือ AI ผู้รับบทชายเพื่อนบ้านนั้นจะเรียนรู้พฤติกรรมของเราที่เป็นผู้เล่นตลอดเวลา ถ้าเข้าไปด้วยวิธีการเดิม ๆ ชายเพื่อนบ้านก็จะรู้และดักจับได้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้เราต้องหาวิธีการใหม่เพื่อเข้าไปในบ้านของเขาอยู่เสมอ

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเกมที่เกี่ยวข้องกับการซ่อนแอบ บางเกมถ้าลองพิจารณาดูก็จะพบว่ามันมีเรื่องของการแอบเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเช่นกันอย่าง Outlast แต่ทุกเกมก็ล้วนพยายามจะนำเสนอการซ่อนแอบให้เข้ากับเกมของพวกเขา เพื่อให้เกมของพวกเขาเกิดความน่าสนใจ

3 เกมสั้นที่มีฉากจบตราตรึงใจ

เกมแต่ละเกมมีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน บางเกมก็มีดีที่ระบบของเกม บางเกมก็มีดีที่ความสวยงามของภาพกราฟิก และบางเกมก็มีดีที่เนื้อเรื่อง สามารถการสร้างฉากจบให้เป็นที่จดจำ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมากล่าวถึงเกมที่มีฉากจบสุดแสนตราตึงใจกัน โดยจะเน้นเกมที่มีระยะเวลาในการเล่นไม่เกิน 2 – 3 ชม. หรือบางเกมก็ใช้เวลาเล่นเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น

คำเตือน ในบทความนี้มีการกล่าวถึง ฉากจบ ของเกม

1.Death Trips

Death Trips เป็นเกมที่ถูกสร้างขึ้นโดยนาย Alberto Navarro ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อฉลองวันฮาโลวีนในปี 2018 เนื่องด้วยนายคนนี้ใช้เวลาในการทำเกมเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น จึงไม่แปลกที่เกมจะสั้นเอามาก ๆ โดยเนื้อเรื่องของเกมนี้จะให้เราเข้าไปสำรวจโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่คาดว่าอาจจะมีฆาตกรต่อเนื่องหลบซ่อนอยู่

เมื่อเราขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้นถัดมา เราจะได้เจอกับหญิงสาวท่าทางน่ากลัวยืนดักอยู่ตรงหน้า เธอจะวิ่งตรงเข้ามาหาเราอย่างเกรี้ยวกราด…ก่อนจะสะดุดโต๊ะวางแจกัน และตัดจบไปแบบงง ๆ

2.The Witch’s House

The Witch’s House (Majo no ie) เป็นเกมแนว Survival horror ที่ถูกสร้างขึ้นโดย Fummy เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 มีการนำมาปรับปรุงและวางจำหน่ายในชื่อ The Witch’s House MV เมื่อปี 2018 เราจะได้รับบทเป็นเด็กสาวที่มีนามว่า วิโอล่า ผู้เพิ่งตื่นขึ้นมาในใจกลางป่าใหญ่ ทุกเส้นทางถูกดอกกุหลาบขวางเอาไว้ เธอจึงจำใจต้องก้าวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งเต็มไปด้วยกับดัก เพื่อหาสิ่งของที่พอจะช่วยให้เธอหนีออกจากป่าไปได้

ถ้าหากเราสามารถเล่นจนได้ฉากจบแบบ True Ending เราจะได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว คนที่อยู่ในร่างของวิโอล่าตอนนี้ก็คือ เอเลน แม่มดผู้เป็นเจ้าของบ้านที่เราเพิ่งเข้าไปเมื่อสักครู่ โดยเธอหลอกให้วิโอล่าสลับร่างกับเธอก่อนจะยึดร่างกายมาเป็นของตนเอง และจุดจบของวิโอล่าในร่างเอเลนก็คือถูกพ่อแท้ ๆ ยิงจนเสียชีวิต

3.Little Misfortune

Little Misfortune เป็นเกมแนว Horror adventure สร้างและจัดจำหน่ายโดย Killmonday Games เรื่องถูกเซ็ตอยู่ในปี 1993 เราจะได้ควบคุม Misfortune Ramirez Hernandez สาวน้อยวัย 8 ขวบที่อาศัยตามอยู่ลำพังกับพ่อแม่ของเธอ วันหนึ่งเธอได้ยินเสียงใครบางคนกล่าวอยู่ในหัวว่าเธอจะตายวันนี้ เจ้าของเสียงนั้นรู้เข้าจึงชวนเธอมาเล่นเกมเลือกตอบ และถ้าเธอชนะเกมนี้ก็จะได้รับรางวัลคือ ความสุขอันเป็นนิรันดร์

ฉากจบของเกมนี้เกิดขึ้นเมื่อสาวน้อยหนีจาก มอร์โก้ หรือเจ้าของเสียงในหัวของเธอไปได้ เธอจะตื่นขึ้นมาอีกครั้งภายในบ้าน และเมื่อเดินออกไปด้านนอกเธอก็จะได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่า เธอถูกรถชนเสียชีวิตแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว และก่อนที่เธอจะเดินทางไปยังโลกแห่งความตาย สาวน้อยก็ได้เดินไปบอกลาแม่ของเธอ พร้อมกับกล่าวความรู้สึกในใจว่า “เธอคงเป็นตัวซวยของแม่ แต่จากนี้ไปแม่ก็หาความสุขให้ตัวเองได้แล้วนะ”

หากคุณสนใจที่จะลองสัมผัสบรรยากาศของฉากจบเหล่านี้ด้วยตนเอง คุณสามารถหาซื้อเกมมาเล่นได้ผ่านทางร้านค้า Steam ในราคาหลักร้อย (ยกเว้นเกม Death Trips)

3 เกมที่มีสไตล์ของภาพสวนทางกับเนื้อหา

ความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าผู้สร้างนั้นเริ่มมีความหลากหลายมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามยุคสมัย จนทำให้การ “หลอกคนดูด้วยภาพ” นั้นถือกำเนิดขึ้นโดยบางคนอาจจะเคยได้สัมผัสมาบ้างผ่านการ์ตูนหรือหนัง ที่บางเรื่องภาพน่ารักแต่เนื้อหาหดหู่ บางเรื่องตัวละครอย่างเข้มแต่เนื้อหากาวจนถอดสมองดูยังได้ แน่นอนว่าในวงการเกมก็มีเกมลักษณะดังกล่าวอยู่บ้าง และเกมที่เราจะกล่าวถึงในบทความนี้ก็อาจจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งในเกมเหล่านั้นด้วยเช่นกัน

1.We Happy Few   

We Happy Few คือเกมที่ผสมผสานระหว่าง  Action-Adventure และ  Survival Horror โดยเรื่องจะถูกเซ็ตอยู่ในอังกฤษช่วงปี 1960 ที่ผลลัพธ์จากสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ทุกคนในเมืองจะถูกบังคับให้กิน “ยาแห่งความสุข” ซึ่งเมื่อกินไปแล้วจะเกิดอาการประสาทหลอนทำให้รู้สึกดี เห็นโลกสวยสดใสราวกับวิ่งอยู่ในทุ่งดอกลาเวนเดอร์ แต่ว่าก็มีคนบางกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับวิถีชีวิตดังกล่าว พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะหนีออกจากเมือง

เกมนี้เราจะได้บังคับเป็น 3 ตัวละครที่มีเนื้อเรื่องแตกต่างกัน จะต้องเอาตัวรอดทุกวิถีทางทั้ง หลบซ่อน, แฝงตัว และ สู้กลับ เพื่อพาทั้ง 3 คนนี้ออกไปจากเมืองให้สำเร็จ

2.Spooky’s Jump Scare Mansion

Spooky’s Jump Scare Mansion เป็นเกมแนว Horror ที่จะท้าทายให้เราเอาตัวรอดจากห้องจำนวน 1000 ห้องที่อยู่ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่ง โดยระหว่างทางก็จะมีรูปภาพโผล่มาเซอร์ไพรส์ให้เราตกใจเล่น สมกับชื่อเกม

ในห้องแรก ๆ ภาพที่โผล่ออกมาก็จะยังเป็นภาพน่ารักสดใส  เราเห็นก็คงไม่รู้สึกกลัวอะไร  แต่ยิ่งมากห้อง สิ่งที่โผล่ออกมาก็จะยิ่งเริ่มทวีความน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ พ่วงด้วยปริศนาและผีที่จะมาไล่ตามเรา จนหลายคนถึงกับออกมาบอกว่าเกมนี้น่ากลัวมากกว่าเกมผีบางเกมเสียอีก

3.60 Seconds!

60 Seconds! คือเกมที่ผสมผสานระหว่าง Adventure, Casual, Indie, Simulation และ Strategy ว่าด้วยเรื่องของครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วย Ted (พ่อ) , Dolores (แม่) , Mary Jane (ลูกสาว) และ Timmy (ลูกชาย) พวกเขาต้องเอาชีวิตรอดอยู่ภายในเมืองที่เกิดการระเบิดของนิวเคลียร์จนพื้นที่ด้านบนไม่สามารถอาศัยได้อีกต่อไป เราจำเป็นจะต้องบริหารทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรอบคอบ เพื่อพาครอบครัวนี้รอดชีวิตไปได้ให้นานมากที่สุด

เกมนี้การเลือกมีผลเป็นอย่างมาก เพราะแทบทุกเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบสุ่ม หากไม่มีสิ่งของจำเป็นต่อเหตุการณ์ที่กำลังเกิด เหตุการณ์นั้นอาจส่งผลเสียแก่เรา และเกมนี้มีฉากจบ หากเลือกผิดอาจจะทำให้ฉากจบเปลี่ยนไปได้เลย

โดยรวม ๆ แล้ว มันก็คือรูปแบบหนึ่งของการนำเสนอเพื่อให้เกมของพวกเขามีความแตกต่างจากเกมแนวเดียวกันในท้องตลาด ซึ่งอาจจะทำให้เกมนั้นเกิดความโดดเด่น กลายเป็นที่สนใจแก่เหล่าผู้เล่นนั่นเอง

Creepypasta กับการถูกดัดแปลงมาเป็นเกม

Creepypasta คือเรื่องราวสยองขวัญที่ถูกเล่าโดยชาวเน็ตตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งพวกมันก็เป็นเพียงเรื่องที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่บางเรื่องผู้แต่งก็มีชั้นเชิงในการเล่ามากพอจะทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อได้สนิทใจว่าเรื่องราวนั้นเคยเกิดขึ้นจริง ถูกเล่าต่อกันมาปากต่อปากจนกลายเป็นเรื่องราวที่โด่งดัง และในบางเรื่องก็หยิบยืมมาสร้างเป็นเกมในเวลาต่อมา

สาเหตุของการเกิดเกม Creepypasta

เกมจาก Creepypasta ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความปรารถนาของทีมผู้พัฒนา  ที่อยากจะให้เรื่องราวเหล่านั้นได้มีโอกาสมาโลดแล่นอยู่ในโลกของเกม หรืออยากจะให้เรื่องราวนั้น ๆ กลายเป็นความจริง (กรณีนี้มักจะมาจาก Creepypasta ที่เกี่ยวข้องกับเกม)

โดยปกติเกมจาก Creepypasta จะเป็นเกมที่ทำด้วยความสมัครใจ ผู้เล่นที่อยากจะลองก็สามารถหามาโหลดเล่นได้ฟรีตามเว็บ แต่ก็มีบางเกมอยู่เหมือนกันที่มีการวางจำหน่ายในรูปแบบเสียเงิน ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกมจากเรื่องราวที่ได้รับความนิยมสูง เช่น Slenderman

เกมจาก Creepypasta ที่มีชื่อเสียง

Slender Man

Slander Man เป็นเรื่องเล่าของผีตนหนึ่ง ที่มักจะปรากฎตัวในลักษณะของชายใส่สูทไร้ใบหน้าผู้มีรูปร่างผอมสูงผิดมนุษย์มนา โดยมันจะคอยมองหาและตามไล่ล่าเหล่าเด็ก ๆ เป็นหลัก แต่ความจริงแล้วผีตนนี้มีที่มาจากรูปภาพตัดต่อฝีมือของนาย Victor Surge ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตัดต่อภาพรายหนึ่งจากเว็บ Something Awful รูปภาพดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ต่อมาก็มีคนหยิบไปสร้างเป็นเกมในชื่อ Slender: The Eight Pages และมันก็ทำให้เรื่องราวของเจ้าผีตัวนี้ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก จนเกิดเกมต่อเนื่องมาหลายภาค ไปจนถึงถูกหยิบไปสร้างภาพยนตร์

สำหรับ Slender: The Eight Pages คือเกมที่จะให้เราเข้าไปตามหาแผ่นกระดาษจำนวน 8 ใบ โดยที่จะมีเจ้า Slenderman นั้นคอยตามไล่หลังเรามา ซึ่งเราจะต้องหาแผ่นกระดาษให้ครบก่อนที่เจ้านั่นจะจับตัวเราได้สำเร็จ

Sonic.exe

Sonic.exe เดิมทีเป็นเรื่องเล่าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเล่นเกม Sonic เวอร์ชั่นแปลก ๆ ซึ่งโซนิคจะมีน้ำสีแดงไหลออกมาจากดวงตา พร้อมกับเปลี่ยนบทบาทมาตามไล่ฆ่าเราและทุกตัวละครที่อยู่ในเกม แต่ความจริงแล้วเรื่องราวนี้เริ่มมาจากภาพตัดต่อฉากเปิดเกม Sonic ที่เปลี่ยนให้ออกมาดูน่าสะพรึงกลัว จากนั้นนักเขียนนามว่า JC-the-Hyena ได้เกิดแรงบันดาลใจจากภาพตัดต่อที่ว่า จึงตัดสินใจแต่งเรื่องราวของ Sonic.exe และนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ Creepypasta Wiki ซึ่งเรื่องราวนี้กลายเป็นที่นิยม และต่อมาก็มีผู้นำเรื่องราวนี้ไปสร้างเป็นเกมจริง ๆ ในชื่อเดียวกัน

สำหรับตัวเกมนั้นจะอ้างอิงเนื้อเรื่องมาจากเรื่องแต่งของคุณ JC-the-Hyena โดยเราจะได้ควบคุม 3 ตัวละครได้แก่ เทลส์, นัคเคิล และ ดร.เอ็กแมน ซึ่งเราจะต้องพาทั้ง 3 ตัวละครนี้หลบหนีไปจากโซนิคที่กำลังบ้าคลั่งให้ได้

ตอนนี้เราคงได้รู้จักเกมจาก Creepypasta กันบ้างแล้ว แม้ว่าเกมสยองขวัญเหล่านี้จะมีที่มาจากเรื่องที่แต่งกันเพื่อความบันเทิง แต่ก็เป็นเกมที่มีความน่าสนใจอยู่มากไม่แพ้เกมสยองขวัญแบบอื่น ๆ อย่างแน่นอน

Spooky’s Jump Scare Mansion เกมผีสุดน่ารักที่พร้อมจะพาคุณตกใจไปตลอดเกม

หากพูดถึงความน่ารัก หลายคนอาจจะนึกถึงเกมแนวสบาย ๆ ที่ไม่มีเนื้อหารุนแรง สามารถเล่นได้ทุกวัย แต่คุณรู้หรือไม่? ว่ามันมีเกมที่สามารถนำตัวละครสุดแสนน่ารักมาทำให้น่ากลัวได้โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เดิมของมัน และเกมที่ว่านั่นก็คือเกม Spooky’s Jump Scare Mansion

ความท้าทายใหม่ของเหล่านักเล่นเกม Horror ?!

Spooky’s Jump Scare Mansion หรือในชื่อเดิมคือ Spooky’s House of Jump Scare เป็นเกม Horror จากทางค่าย Lag Studios ที่เปิดให้เล่นฟรีบน Steam มาตั้งแต่ปี 2015  ตัวเกมจะให้เราเดินผ่านห้องภายในคฤหาสน์ปริศนาของผีเด็กผู้หญิงนามว่า Spooky จำนวนทั้งหมด 1000 ห้อง ระหว่างทางก็จะมีรูปภาพปรากฏขึ้นมาให้เราตกใจเล่น ๆ (ไม่งั้นก็คงไม่สมกับชื่อเกมที่ตั้ง) ตัวเกมนี้มีทั้งหมด 2 ฉากจบได้แก่ Good Ending และ Bad Ending

ในช่วงเริ่มแรก ตัวเกมจะยังไม่มีอะไรมาก แค่ให้เราเดินผ่านห้องโน้นห้องนี้ไปเรื่อย ๆ  ด้านภาพที่ปรากฎออกมาก็จะเป็นเพียงภาพผีปีศาจหน้าตาน่ารัก ที่อาจจะทำให้สะดุ้งได้อยู่ในครั้งแรก ๆ แต่เมื่อเล่นไปได้สักพัก ก็จะเริ่มมีมอนส์เตอร์หรือที่ Spooky เรียกว่า Specimen ออกมาไล่ล่าเรา ซึ่งถ้า Specimen ที่กำลังไล่นั้นโจมตีเราจนเลือดหมดหลอดได้ เราก็จะ Game Over ทันที (มีการ Jump Scare ชุดใหญ่ให้ก่อนจะขึ้นคำว่า Game Over) นอกจากนี้เมื่อเริ่มมากห้องเข้า สภาพของห้องที่เจอก็จะเปลี่ยนไป ภาพที่ปรากฎเองก็จะเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

ส่วนเสริมของ Spooky’s Jump Scare Mansion

1.Karamari Hospital

Karamari Hospital คือ DLC ตัวแรกของเกมนี้ โดยปกติจะใช้เวลาเล่นอยู่ที่ประมาณ 45 – 60 นาที ตัวเกมจะถูกแยกออกมาจากตัวเกมหลัก (หากต้องการเล่นจะต้องทำการเลือกไฟล์ก่อนเริ่มเกม) เราจะได้เริ่มเล่นในชั้นที่ 995 ทั้งเกมจะเป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งมีธีมโรงพยาบาลเป็นหลัก มีมอนส์เตอร์ใหม่ปรากฏมาทั้งหมด 6 ตัว ส่วน Specimen ที่เคยเจอในตัวเกมหลักจะไม่ปรากฎใน DLC นี้

2.Endless Mode

Endless Mode คือ โหมดที่เพิ่มเข้ามาในตัวเกมหลัก รูปแบบการเล่นจะคล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นปกติ เพียงแค่เกมจะไม่จบในห้องที่ 1000 แต่กลับให้เราเล่นไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด

นอกเหนือจากนี้ เราจะได้รับขวานมาทันทีตั้งแต่ห้องที่ 0, จุดเซฟจะมีให้ในทุก ๆ 50 ห้อง จนกระทั่งถึงห้องที่ 200 หลังจากห้องดังกล่าวจะมีจุดเซฟให้ในทุก ๆ 100 ห้อง ไปจนถึงห้องที่ 1000 ซึ่งหลังจากห้อง 1000 จะมีจุดเซฟให้ในทุก ๆ 200 ห้อง, ถ้าเกิดตายระหว่างทาง ตัวเกมจะทำการลบเซฟไฟล์นั้นทันที นั่นหมายความว่าเราต้องเริ่มเล่นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ห้องที่ 0  และเราไม่สามารถออกจากเกมได้ระหว่างที่กำลังโดนไล่ล่า

หากคุณเป็นสาวกเกม Horror คุณก็ไม่ควรที่จะพลาดเกมนี้ไป เพราะเป็นเกม Horror ที่ดีเกินคำว่าเกมฟรี….และคุณก็จะได้รู้ว่า ผีที่แสนน่ารักสดใสเหล่านั้น จะสามารถทำให้คุณหวาดกลัวได้อย่างไร?

Worms ซีรี่ย์เกมหนอนยิงกันที่หลายคนต้องเคยผ่านตา

หากพูดถึงเกมยิงกันในวัยเด็กแล้วหลายคนนึกถึงเกมไหนกันบ้าง? คำถามนี้อาจจะมีหลากหลายคำตอบตามแต่ยุคและสังคมของผู้เล่นคนนั้น แต่ในคำตอบทั้งหลายเหล่านั้นมันก็จะต้องมีเกม Worms เกมหนอนสุดบ้าระห่ำที่เน้นยิงกันให้ตายไปข้าง อย่างแน่นอน

เป้าหมายมีเพียงแค่ กำจัดศัตรูไปให้หมดสนาม !

Worms เป็นซีรี่ย์เกมแนว Artillery Tactical จาก Team17 ที่มีมาตั้งแต่ปี 1995 โดยเกมจะให้เราสลับกันโจมตี (Turn – based) กับอีกฝ่าย ถ้าหนอนของฝ่ายใดตายหมดก่อน ฝ่ายนั้นก็จะชนะไป สำหรับวิธีการโจมตีก็เพียงแค่ให้เราปาระเบิดหรือยิงปืนใหญ่ใส่เป้าหมายเท่านั้น…แต่เมื่อใดที่เรายิงออกไป บริเวณที่ถูกโจมตีก็จะเสียหายตามไปด้วย

แผนที่แต่ละแบบก็จะมีพื้นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการวางแผนการโจมตีให้รัดกุมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกมนี้ โดยเกมจะมอบไอเทมสำหรับเคลื่อนย้ายตัวละครมาให้เพื่อช่วยในการหลบหนีหรือย้ายจุดโจมตี

หากใครลองอ่านแล้วรู้สึกว่าระบบมันคล้ายกับเกม Boomz ก็ไม่ต้องแปลกใจอะไร…เพราะมันคือเกมแนวเดียวกันยังไงล่ะ!

แล้วเราควรจะเล่น Worms ภาคไหนดีละ?

ซีรี่ย์เกม Worms นั้นออกภาคใหม่มาเรื่อย ๆ แบบรายปี – 2 ปี จนกระทั่งถึงปี 2016 ทำให้จำนวนภาคของเกมนี้มีเยอะมาก เพราะฉะนั้นจึงขอยกมาเพียง 3 ภาคที่เหล่าผู้เล่นยกให้เป็นภาคที่ดีสุดของซีรี่ย์ โดยอ้างอิงผลมาจากเว็บ ranker.com

1.Worms Armageddon

Worms Armageddon เป็นเกมลำดับที่ 3 ของซีรี่ย์ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะนำมาวางจำหน่ายอีกครั้งบน Steam ในปี 2013 เริ่มแรกทางทีมผู้พัฒนาตั้งใจจะให้เป็นส่วนเสริมของเกม Worms 2 ในชื่อ Wormageddon แต่เกิดเปลี่ยนใจเสียก่อน ภาคนี้ถูกยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดในซีรี่ย์เกม Worms ภาพกราฟิกและระบบเกมจะคล้ายคลึงกับเกม Worms 2

2.Worms W.M.D

Worms W.M.D เป็นเกมลำดับที่ 17 และถือว่าเป็นเกมลำดับล่าสุดของซีรี่ย์อีกด้วย วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2016 และยังคงมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ภาพกราฟิกถูกพัฒนาให้สวยขึ้นตามยุค ส่วนระบบเกมยังคล้ายคลึงกับภาคก่อน ๆ ที่เป็นเกม 2D แต่จะมีการเพิ่มไอเทมช่วยเหลือที่แปลกใหม่ขึ้นเช่น หุ่นยนต์ รถถัง หรือเฮลิคอปเตอร์

3.Worms World Party

Worms World Party เป็นเกมลำดับที่ 4 ของซีรี่ย์ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2001 โดยมีการนำมาปรับปรุงและวางจำหน่ายใหม่ในปี 2016 ด้วยชื่อ Worms World Party Remastered ระบบและภาพกราฟิกของเกมจะยังเหมือนกับ Worms Armageddon แต่โหมด Online ของเกมนี้จะมีความโดดเด่นมากกว่า

ถึงจะเป็นเกมจะมีระบบการเล่นที่ค่อนข้างยุ่งยาก  แต่ถ้าเข้าใจก็จะเล่นได้สนุกไม่แพ้เกมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเล่นกับบอท เล่นกับเพื่อน หรือเล่นออนไลน์ สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นหรือคนที่อยากหวนคืนวันวาน ก็สามารถหาซื้อ 3 ภาคดังกล่าวรวมไปถึงภาคอื่น ๆ ได้ผ่านทาง Steam และ GOG.com 

เครดิตรูปภาพ : https://store.steampowered.com/app/327030/Worms_WMD/

เกมออนไลน์ที่สาย Solo ก็เล่นด้วยได้อย่างสบายใจ

การเล่นร่วมกับเพื่อนหรือคนแปลกหน้าที่พบเจอในเกมอาจจะถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการเล่นเกมออนไลน์ แต่ก็จะมีผู้เล่นเกมออนไลน์บางส่วนเหมือนกัน ที่รู้สึกว่าการเล่นแบบเป็นทีมนั้นไม่ตอบโจทย์พวกเขาสักเท่าไร แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังอยากมีส่วนร่วมกับเกมออนไลน์อยู่ดี ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกมออนไลน์ที่ไม่บังคับให้เราหาทีม เล่นคนเดียวก็อยู่ได้

1.Black Desert

Black Desert เป็นเกมประเภท MMORPG ที่จะให้เราเลือก 1 ใน 19 อาชีพและออกไปผจญภัยในโลกกว้างเพื่อค้นหาความทรงจำที่ถูกลบเลือนหายไป โดยมีสิ่งมีชีวิตเรียกว่า ภูติดำ ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง

ระบบของเกมนี้เอื้ออำนวยต่อการเล่นคนเดียวอยู่พอสมควร เนื่องจากมอนส์เตอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยากเกินความสามารถของผู้เล่นคนเดียว ถ้ายากเกินไปก็ยังสามารถหาซื้อไอเทมจากมอนส์เตอร์ตัวนั้นได้ในตลาดกลาง (เมื่อมีคนนำมาวางขาย) และสามารถผันตัวไปสาย Life Skill ที่ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับใครได้ทันที

2.Osu!

Osu! เป็นเกมประเภท Rhythm จากปี 2007 ที่จะให้เรากดปุ่มบนจอ, ตีกลอง, รับผลไม้ หรือกดปุ่มที่ไหลลงมา ตามจังหวะเพลงให้ทันเวลา เพื่อรักษาคอมโบ และทำคะแนนให้ได้เยอะมากที่สุด

โหมด Multiplayers ของเกมนี้มีไว้สำหรับบันทึกสถิติที่เคยทำได้ และมีไว้เข้าไปประชันฝีมือหรือพูดคุยกับผู้เล่นอื่น ในส่วนของการประชันฝีมือจะเป็นการเล่นแมพที่หัวหน้าห้องเลือกไว้พร้อมกันทั้งห้อง มีทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม ซึ่งในแบบทีมจะเป็นเพียงการนำคะแนนที่ทำได้ของทุกคนในทีมมารวมกันและนำไปวัดกับคะแนนของอีกทีมเท่านั้น

3.เกมแนว Battle Royale

Battle Royale คือหนึ่งในแนวเกมประเภท Shooting ที่จะส่งเราไปอยู่บนพื้นที่แห่งหนึ่ง เป้าหมายก็คือให้เราต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นที่อยู่ในรอบเดียวกัน และอยู่รอดให้ได้เป็นคนหรือทีมสุดท้ายของรอบนั้น ๆ โดยแนวเกมนี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Battle Royale

เกมแนวนี้แทบทั้งหมดจะเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่นคนเดียวได้อยู่แล้วตามความความต้องการ แต่การเอาชนะเกมนั้นทำได้ยากกว่าการเล่นแบบเป็นทีมหลายเท่าตัว เนื่องจากเราจะไม่มีเพื่อนคอยซัพพอร์ตไอเทมหรือระวังหลังให้ ต้องพึ่งพาฝีมือของตัวเองล้วน ๆ จึงทำให้หลายคนไม่ค่อยแนะนำให้ลองในช่วงที่เพิ่งเริ่มเล่น

ยังมีอีกหลายเกม ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ที่เอื้ออำนวยต่อการเล่นคนเดียว บางเกมมันก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่เหล่าผู้เล่นจะต้องลองเผชิญ แต่บางเกมทีมผู้พัฒนาก็ตั้งใจให้มีเพื่อสนับสนุนผู้เล่นที่มาคนเดียวอยู่แล้ว เพราะเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถพาเพื่อนมาเล่นด้วยได้ และไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการเล่นแบบเป็นทีม

ย้อนรอย! เกมจากการ์ตูนเรื่อง Scooby – Doo

การมาของภาพยนตร์เรื่อง Scoob! มีผลให้เรื่องราวของแก๊งนักสืบผู้มากับสุนัขพูดได้อย่าง Scooby – Doo ถูกกล่าวถึงกันอย่างกว้างขวางอีกครั้ง หลังจากกลายเป็นเพียงกระแสเฉพาะกลุ่มอยู่นานหลายปี

และถ้าพูดถึงหนังหรือการ์ตูน ก็อดไม่ได้ที่ต้องพูดถึงเกม ซึ่งเกมจากเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงอยู่น้อยมากทั้งที่การ์ตูนได้รับความนิยมอย่างสูง หลายคนอาจไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าการ์ตูนเรื่องนี้เองก็มีเกมกับเขาด้วย ดังนั้นในวันนี้เราจะพาคุณมาย้อนรอยเกมที่เคยมีของการ์ตูนเรื่องนี้กัน!

เกมจากเรื่องนี้มีมาตั้งแต่ปี 1983 ?!

ความจริงแล้วเกมจากการ์ตูนเรื่อง Scooby – Doo มีเยอะมาก ซึ่งเกมแรกของเรื่องนี้คือเกม Scooby-Doo’s Maze Chase วางจำหน่ายในปี 1983 หรือเมื่อประมาณ 37 ปีที่แล้วนู่นเลย (ตัวเกมดังกล่าวจะมีระบบการเล่นคล้าย ๆ กับเกม Pacman) จากนั้นก็จะมีเกมออกมาอย่างต่อเนื่องในทุก ๆ 3 – 5 ปี และเริ่มออกถี่ในช่วงปี 2000 – 2006 ก่อนจะกลับมาเว้นช่วงอีกครั้ง นอกจากนี้ Scooby – Doo ยังมีการนำเรื่องราวของตนไปทำเป็นเกมในรูปแบบ LEGO อีกด้วย             

เกม Scooby – Doo ที่มีการวางจำหน่ายในรูปแบบ PC

เกม Scooby – Doo มีการวางจำหน่ายลงในหลายแพลตฟอร์มมาก ตั้งแต่แพลตฟอร์มยุคเก่าอย่าง Intellivision ไปจนถึงแพลตฟอร์มใหม่ ๆ อย่าง IOS, Android แต่จะมีอยู่ไม่กี่เกมเท่านั้นที่นำมาวางจำหน่ายในรูปแบบ PC โดยจะยกมาได้ดังนี้

1.Scooby-Doo! Mystery of the Fun Park Phantom

เป็นเกมแนว Mystery/Puzzle วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1999 โดยเราจะได้รับบทเป็นหนึ่งในตัวละครแก๊ง Mystery Inc. (สามารถเลือกได้ตามใจชอบ โดยจะไม่นับสกู๊ปปี้ดู) ผู้ต้องมาตามจับผีในสวนสนุก Gobs O’ Fun ของตระกูล Gobs ที่คอยไล่ลูกค้าจนสวนสนุกร้างและใกล้จะล้มละลาย

เกมเป็นเกมแรกที่มีการวางจำหน่ายในรูปแบบ PC และยังสามารถเล่นแบบ Multiplayer ได้อีกด้วย

2.Scooby-Doo! Mystery Adventures   

สำหรับ Scooby-Doo! Mystery Adventures นั้นจะเป็นชุดของเกมแนว Adventure วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2000 ภายในชุดนี้ประกอบไปด้วยเกมทั้งหมด 3 เกม ได้แก่ Scooby-Doo: Phantom of the Knight, Scooby-Doo: Jinx at the Sphinx, และ Scooby-Doo: Showdown in Ghost Town. โดยทั้ง 3 เกมล้วนแต่ให้เราไขความจริงของเรื่องลึกลับเกิดขึ้น ระหว่างทางก็จะมีมินิเกมให้เล่นนิดหน่อย  เช่น ปาพาย, สไลด์แก้วเบียร์, เรียงความสูงของโบราณสถาน เป็นต้น

3.Scooby-Doo 2: Monsters Unleashed

เป็นเกมแนว Adventure วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2004 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ภาพยนตร์ในชื่อเดียวกันเข้าฉาย ดังนั้นตัวละครในเกมซึ่งรวมไปถึงแก๊ง Mystery Inc. ก็จะอ้างอิงมาจากฉบับภาพยนตร์เป็นหลัก โดยเกมจะให้เราดำเนินเรื่องราวผ่านการเอาชนะมินิเกมต่าง ๆ

4.Scooby-Doo! First Frights

เป็นเกมแนว Platformer มีทั้งแบบ Single-player และ Multiplayer วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2009 ตัวเกมจะให้เราไขปริศนาและต่อสู้กับเหล่าสัตว์ประหลาดที่พบเจอ โดยที่ตัวละครทั้ง 5 ตัวของแก๊ง Mystery Inc. จะมีความสามารถแตกต่างกันไป

5.LEGO Scooby-Doo! Escape from Haunted Isle

เป็นเกมที่ทำร่วมกับ LEGO วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2015 ตัวเกมจะให้เราก้าวข้ามอุปสรรค เก็บขนม ค้นหาไอเทมเพื่อผ่านด่านนั้น ๆ จนได้ต่อสู้กับบอสของเกม โดยฉากหลังและบอสของเกมจะเปลี่ยนแปลงไปตามตัวละครที่เราเลือกเล่น (ไม่นับสกู๊ปบี้ดูที่ตามเราไปทุกรอบ)

ถึงแม้ว่ากระแสของเกม  Scooby – Doo จะมีไม่ค่อยมากนัก แต่ก็มีอยู่หลายเกมเหมือนกันที่เหล่าผู้เล่นยกให้เป็นเกมที่ดีมากเกมหนึ่ง เช่น Scooby-Doo! Night of 100 Frights (เกมสำหรับ PS2) หรือ Scooby-Doo! First Frights เป็นต้น

3 เกมที่เหล่าผู้เล่นสามารถ Mod ด่านเองได้

การ Modification หรือการแก้ไขเกมนั้น ถูกสั่งห้ามจากหลาย ๆ เกม แต่ก็มีบางเกมที่ผู้พัฒนาเปิดโอกาสให้เหล่าผู้เล่นสามารถทำการแก้ไขเกมของพวกเขาได้ตามใจชอบด้วยเหตุผลหลากหลายประการ อาทิ เพื่อเติมเต็มตัวเกมของพวกเขาให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น หรือเพื่อตอบสนองความคิดสร้างสรรค์ของเหล่าผู้เล่น  และในบทความนี้เราจะขอยกตัวอย่างเกมที่เปิดโอกาสให้เหล่าผู้เล่นสามารถสร้างด่านขึ้นมาด้วยฝีมือของตนเอง โดยใช้ข้อมูลหรือระบบจากเกมของพวกเขา ซึ่งได้แก่

1.Osu!

Osu! คือเกมแนว Rhythm ที่ถูกสร้างขึ้นในปี 2007 โดย peppy หรือนาย Dean Herbert นักพัฒนาเกมชาวออสเตรเลีย  มีพื้นฐานมาจากเกมแนวเดียวกันอย่าง Osu! Tatakae! Ouendan, Taiko no Tatsujin, Beatmania IIDX, Elite Beat Agents, O2Jam, StepMania, และ DJMax

ภายในเกมมีโหมดหนึ่งชื่อว่า Edit ซึ่งจะเป็นโหมดที่คุณสามารถนำไฟล์เพลงใด ๆ มาสร้างเป็นด่านใหม่เพื่อให้ผู้เล่นอื่นมาดาวน์โหลดไปลองเล่นได้ และถ้าหากด่านของคุณผ่านเงื่อนไขตามที่ตัวเกมได้กำหนดไว้ ด่านนั้นก็จะถูกจัดเข้าไปอยู่ในหมวด Ranked & Approved ซึ่งจะทำให้ผู้ที่โหลดด่านของคุณไปเล่นจะได้รับ performance points (pp) หรือคะแนนภายในเกมที่มีผลต่อการจัดอันดับความเก่งของผู้เล่น

2.Roblox

Roblox เป็นเกมออนไลน์ที่ผู้เล่นสามารถสร้างเกมเป็นของตนเองได้ด้วยเครื่องมือที่มีอยู่ ถูกพัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Roblox Corporation เปิดตัวครั้งแรกในปี 2006

ตัวเกมจะมีการซื้อขายไอเทมโดยใช้เงิน Robux ซึ่งค่าเงินดังกล่าวสามารถนำไปแลกเป็นเงินจริงได้ จึงทำให้เหล่าผู้เล่นเล็งเห็นโอกาสและลองรังสรรค์เกมในแบบของพวกเขาขึ้นมาเพื่อสร้างรายได้ ทำให้เกิดนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกหลายราย  

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่สนใจจะสร้างเกมเป็นของตนเอง ซึ่งถ้าหากคุณเองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น คุณก็สามารถเป็นผู้เล่นเพียงอย่างเดียวได้เช่นกัน

3.Half Life

Half Life คือเกมแนว First – person Shooter ในตำนานจากปี 1998 ถูกพัฒนาและจัดจำหน่ายโดยบริษัท Valve หรือที่ผู้เล่นบางคนอาจจะรู้จักกันดีในฐานะเจ้าของแพลตฟอร์มร้านค้าชื่อดังอย่าง Steam  

หลังจากที่เกม Half Life วางจำหน่ายไปได้สักพัก ทางบริษัทก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทดลองสร้างด่านใหม่ ๆ มาแบ่งปันให้กับผู้เล่นอื่นโดยใช้ข้อมูลและโมเดลจากเกมของพวกเขา ซึ่งการเปิดโอกาสในครั้งนี้ ก็ยังทำให้เกมชื่อดังอย่าง Team Fortress (หรือ Team Fortress 2 ในปัจจุบัน) และ Counter – Strike ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอีกด้วย

จะเห็นได้ว่า การ Modification นั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเสมอไป เพียงแต่ว่าในบางเกม เหล่าผู้พัฒนาก็ไม่ได้ต้องการที่จะให้มีการแก้ไขเกมของพวกเขาเกิดขึ้นด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น เพื่อรักษาความปลอดภัยของระบบ ดังนั้นแม้ว่าเราจะชอบเกมนั้นมากแค่ไหน แต่ถ้าทางผู้พัฒนาหรือผู้จัดจำหน่ายไม่อนุญาต เราก็ไม่ควรที่จะไปแก้ไขตัวเกมของพวกเขา