Creepypasta กับการถูกดัดแปลงมาเป็นเกม

Creepypasta คือเรื่องราวสยองขวัญที่ถูกเล่าโดยชาวเน็ตตามเว็บบอร์ดต่าง ๆ ซึ่งพวกมันก็เป็นเพียงเรื่องที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่บางเรื่องผู้แต่งก็มีชั้นเชิงในการเล่ามากพอจะทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อได้สนิทใจว่าเรื่องราวนั้นเคยเกิดขึ้นจริง ถูกเล่าต่อกันมาปากต่อปากจนกลายเป็นเรื่องราวที่โด่งดัง และในบางเรื่องก็หยิบยืมมาสร้างเป็นเกมในเวลาต่อมา

สาเหตุของการเกิดเกม Creepypasta

เกมจาก Creepypasta ส่วนใหญ่มักจะเกิดจากความปรารถนาของทีมผู้พัฒนา  ที่อยากจะให้เรื่องราวเหล่านั้นได้มีโอกาสมาโลดแล่นอยู่ในโลกของเกม หรืออยากจะให้เรื่องราวนั้น ๆ กลายเป็นความจริง (กรณีนี้มักจะมาจาก Creepypasta ที่เกี่ยวข้องกับเกม)

โดยปกติเกมจาก Creepypasta จะเป็นเกมที่ทำด้วยความสมัครใจ ผู้เล่นที่อยากจะลองก็สามารถหามาโหลดเล่นได้ฟรีตามเว็บ แต่ก็มีบางเกมอยู่เหมือนกันที่มีการวางจำหน่ายในรูปแบบเสียเงิน ส่วนใหญ่มักจะเป็นเกมจากเรื่องราวที่ได้รับความนิยมสูง เช่น Slenderman

เกมจาก Creepypasta ที่มีชื่อเสียง

Slender Man

Slander Man เป็นเรื่องเล่าของผีตนหนึ่ง ที่มักจะปรากฎตัวในลักษณะของชายใส่สูทไร้ใบหน้าผู้มีรูปร่างผอมสูงผิดมนุษย์มนา โดยมันจะคอยมองหาและตามไล่ล่าเหล่าเด็ก ๆ เป็นหลัก แต่ความจริงแล้วผีตนนี้มีที่มาจากรูปภาพตัดต่อฝีมือของนาย Victor Surge ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตัดต่อภาพรายหนึ่งจากเว็บ Something Awful รูปภาพดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ต่อมาก็มีคนหยิบไปสร้างเป็นเกมในชื่อ Slender: The Eight Pages และมันก็ทำให้เรื่องราวของเจ้าผีตัวนี้ยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นไปอีก จนเกิดเกมต่อเนื่องมาหลายภาค ไปจนถึงถูกหยิบไปสร้างภาพยนตร์

สำหรับ Slender: The Eight Pages คือเกมที่จะให้เราเข้าไปตามหาแผ่นกระดาษจำนวน 8 ใบ โดยที่จะมีเจ้า Slenderman นั้นคอยตามไล่หลังเรามา ซึ่งเราจะต้องหาแผ่นกระดาษให้ครบก่อนที่เจ้านั่นจะจับตัวเราได้สำเร็จ

Sonic.exe

Sonic.exe เดิมทีเป็นเรื่องเล่าของเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสเล่นเกม Sonic เวอร์ชั่นแปลก ๆ ซึ่งโซนิคจะมีน้ำสีแดงไหลออกมาจากดวงตา พร้อมกับเปลี่ยนบทบาทมาตามไล่ฆ่าเราและทุกตัวละครที่อยู่ในเกม แต่ความจริงแล้วเรื่องราวนี้เริ่มมาจากภาพตัดต่อฉากเปิดเกม Sonic ที่เปลี่ยนให้ออกมาดูน่าสะพรึงกลัว จากนั้นนักเขียนนามว่า JC-the-Hyena ได้เกิดแรงบันดาลใจจากภาพตัดต่อที่ว่า จึงตัดสินใจแต่งเรื่องราวของ Sonic.exe และนำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์ Creepypasta Wiki ซึ่งเรื่องราวนี้กลายเป็นที่นิยม และต่อมาก็มีผู้นำเรื่องราวนี้ไปสร้างเป็นเกมจริง ๆ ในชื่อเดียวกัน

สำหรับตัวเกมนั้นจะอ้างอิงเนื้อเรื่องมาจากเรื่องแต่งของคุณ JC-the-Hyena โดยเราจะได้ควบคุม 3 ตัวละครได้แก่ เทลส์, นัคเคิล และ ดร.เอ็กแมน ซึ่งเราจะต้องพาทั้ง 3 ตัวละครนี้หลบหนีไปจากโซนิคที่กำลังบ้าคลั่งให้ได้

ตอนนี้เราคงได้รู้จักเกมจาก Creepypasta กันบ้างแล้ว แม้ว่าเกมสยองขวัญเหล่านี้จะมีที่มาจากเรื่องที่แต่งกันเพื่อความบันเทิง แต่ก็เป็นเกมที่มีความน่าสนใจอยู่มากไม่แพ้เกมสยองขวัญแบบอื่น ๆ อย่างแน่นอน

Spooky’s Jump Scare Mansion เกมผีสุดน่ารักที่พร้อมจะพาคุณตกใจไปตลอดเกม

หากพูดถึงความน่ารัก หลายคนอาจจะนึกถึงเกมแนวสบาย ๆ ที่ไม่มีเนื้อหารุนแรง สามารถเล่นได้ทุกวัย แต่คุณรู้หรือไม่? ว่ามันมีเกมที่สามารถนำตัวละครสุดแสนน่ารักมาทำให้น่ากลัวได้โดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์เดิมของมัน และเกมที่ว่านั่นก็คือเกม Spooky’s Jump Scare Mansion

ความท้าทายใหม่ของเหล่านักเล่นเกม Horror ?!

Spooky’s Jump Scare Mansion หรือในชื่อเดิมคือ Spooky’s House of Jump Scare เป็นเกม Horror จากทางค่าย Lag Studios ที่เปิดให้เล่นฟรีบน Steam มาตั้งแต่ปี 2015  ตัวเกมจะให้เราเดินผ่านห้องภายในคฤหาสน์ปริศนาของผีเด็กผู้หญิงนามว่า Spooky จำนวนทั้งหมด 1000 ห้อง ระหว่างทางก็จะมีรูปภาพปรากฏขึ้นมาให้เราตกใจเล่น ๆ (ไม่งั้นก็คงไม่สมกับชื่อเกมที่ตั้ง) ตัวเกมนี้มีทั้งหมด 2 ฉากจบได้แก่ Good Ending และ Bad Ending

ในช่วงเริ่มแรก ตัวเกมจะยังไม่มีอะไรมาก แค่ให้เราเดินผ่านห้องโน้นห้องนี้ไปเรื่อย ๆ  ด้านภาพที่ปรากฎออกมาก็จะเป็นเพียงภาพผีปีศาจหน้าตาน่ารัก ที่อาจจะทำให้สะดุ้งได้อยู่ในครั้งแรก ๆ แต่เมื่อเล่นไปได้สักพัก ก็จะเริ่มมีมอนส์เตอร์หรือที่ Spooky เรียกว่า Specimen ออกมาไล่ล่าเรา ซึ่งถ้า Specimen ที่กำลังไล่นั้นโจมตีเราจนเลือดหมดหลอดได้ เราก็จะ Game Over ทันที (มีการ Jump Scare ชุดใหญ่ให้ก่อนจะขึ้นคำว่า Game Over) นอกจากนี้เมื่อเริ่มมากห้องเข้า สภาพของห้องที่เจอก็จะเปลี่ยนไป ภาพที่ปรากฎเองก็จะเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน

ส่วนเสริมของ Spooky’s Jump Scare Mansion

1.Karamari Hospital

Karamari Hospital คือ DLC ตัวแรกของเกมนี้ โดยปกติจะใช้เวลาเล่นอยู่ที่ประมาณ 45 – 60 นาที ตัวเกมจะถูกแยกออกมาจากตัวเกมหลัก (หากต้องการเล่นจะต้องทำการเลือกไฟล์ก่อนเริ่มเกม) เราจะได้เริ่มเล่นในชั้นที่ 995 ทั้งเกมจะเป็นพื้นที่ใหม่ซึ่งมีธีมโรงพยาบาลเป็นหลัก มีมอนส์เตอร์ใหม่ปรากฏมาทั้งหมด 6 ตัว ส่วน Specimen ที่เคยเจอในตัวเกมหลักจะไม่ปรากฎใน DLC นี้

2.Endless Mode

Endless Mode คือ โหมดที่เพิ่มเข้ามาในตัวเกมหลัก รูปแบบการเล่นจะคล้ายคลึงกับเวอร์ชั่นปกติ เพียงแค่เกมจะไม่จบในห้องที่ 1000 แต่กลับให้เราเล่นไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีที่สิ้นสุด

นอกเหนือจากนี้ เราจะได้รับขวานมาทันทีตั้งแต่ห้องที่ 0, จุดเซฟจะมีให้ในทุก ๆ 50 ห้อง จนกระทั่งถึงห้องที่ 200 หลังจากห้องดังกล่าวจะมีจุดเซฟให้ในทุก ๆ 100 ห้อง ไปจนถึงห้องที่ 1000 ซึ่งหลังจากห้อง 1000 จะมีจุดเซฟให้ในทุก ๆ 200 ห้อง, ถ้าเกิดตายระหว่างทาง ตัวเกมจะทำการลบเซฟไฟล์นั้นทันที นั่นหมายความว่าเราต้องเริ่มเล่นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ห้องที่ 0  และเราไม่สามารถออกจากเกมได้ระหว่างที่กำลังโดนไล่ล่า

หากคุณเป็นสาวกเกม Horror คุณก็ไม่ควรที่จะพลาดเกมนี้ไป เพราะเป็นเกม Horror ที่ดีเกินคำว่าเกมฟรี….และคุณก็จะได้รู้ว่า ผีที่แสนน่ารักสดใสเหล่านั้น จะสามารถทำให้คุณหวาดกลัวได้อย่างไร?

Worms ซีรี่ย์เกมหนอนยิงกันที่หลายคนต้องเคยผ่านตา

หากพูดถึงเกมยิงกันในวัยเด็กแล้วหลายคนนึกถึงเกมไหนกันบ้าง? คำถามนี้อาจจะมีหลากหลายคำตอบตามแต่ยุคและสังคมของผู้เล่นคนนั้น แต่ในคำตอบทั้งหลายเหล่านั้นมันก็จะต้องมีเกม Worms เกมหนอนสุดบ้าระห่ำที่เน้นยิงกันให้ตายไปข้าง อย่างแน่นอน

เป้าหมายมีเพียงแค่ กำจัดศัตรูไปให้หมดสนาม !

Worms เป็นซีรี่ย์เกมแนว Artillery Tactical จาก Team17 ที่มีมาตั้งแต่ปี 1995 โดยเกมจะให้เราสลับกันโจมตี (Turn – based) กับอีกฝ่าย ถ้าหนอนของฝ่ายใดตายหมดก่อน ฝ่ายนั้นก็จะชนะไป สำหรับวิธีการโจมตีก็เพียงแค่ให้เราปาระเบิดหรือยิงปืนใหญ่ใส่เป้าหมายเท่านั้น…แต่เมื่อใดที่เรายิงออกไป บริเวณที่ถูกโจมตีก็จะเสียหายตามไปด้วย

แผนที่แต่ละแบบก็จะมีพื้นที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นการวางแผนการโจมตีให้รัดกุมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเกมนี้ โดยเกมจะมอบไอเทมสำหรับเคลื่อนย้ายตัวละครมาให้เพื่อช่วยในการหลบหนีหรือย้ายจุดโจมตี

หากใครลองอ่านแล้วรู้สึกว่าระบบมันคล้ายกับเกม Boomz ก็ไม่ต้องแปลกใจอะไร…เพราะมันคือเกมแนวเดียวกันยังไงล่ะ!

แล้วเราควรจะเล่น Worms ภาคไหนดีละ?

ซีรี่ย์เกม Worms นั้นออกภาคใหม่มาเรื่อย ๆ แบบรายปี – 2 ปี จนกระทั่งถึงปี 2016 ทำให้จำนวนภาคของเกมนี้มีเยอะมาก เพราะฉะนั้นจึงขอยกมาเพียง 3 ภาคที่เหล่าผู้เล่นยกให้เป็นภาคที่ดีสุดของซีรี่ย์ โดยอ้างอิงผลมาจากเว็บ ranker.com

1.Worms Armageddon

Worms Armageddon เป็นเกมลำดับที่ 3 ของซีรี่ย์ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 1999 ก่อนจะนำมาวางจำหน่ายอีกครั้งบน Steam ในปี 2013 เริ่มแรกทางทีมผู้พัฒนาตั้งใจจะให้เป็นส่วนเสริมของเกม Worms 2 ในชื่อ Wormageddon แต่เกิดเปลี่ยนใจเสียก่อน ภาคนี้ถูกยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดในซีรี่ย์เกม Worms ภาพกราฟิกและระบบเกมจะคล้ายคลึงกับเกม Worms 2

2.Worms W.M.D

Worms W.M.D เป็นเกมลำดับที่ 17 และถือว่าเป็นเกมลำดับล่าสุดของซีรี่ย์อีกด้วย วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2016 และยังคงมีการอัพเดทอย่างต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ภาพกราฟิกถูกพัฒนาให้สวยขึ้นตามยุค ส่วนระบบเกมยังคล้ายคลึงกับภาคก่อน ๆ ที่เป็นเกม 2D แต่จะมีการเพิ่มไอเทมช่วยเหลือที่แปลกใหม่ขึ้นเช่น หุ่นยนต์ รถถัง หรือเฮลิคอปเตอร์

3.Worms World Party

Worms World Party เป็นเกมลำดับที่ 4 ของซีรี่ย์ วางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2001 โดยมีการนำมาปรับปรุงและวางจำหน่ายใหม่ในปี 2016 ด้วยชื่อ Worms World Party Remastered ระบบและภาพกราฟิกของเกมจะยังเหมือนกับ Worms Armageddon แต่โหมด Online ของเกมนี้จะมีความโดดเด่นมากกว่า

ถึงจะเป็นเกมจะมีระบบการเล่นที่ค่อนข้างยุ่งยาก  แต่ถ้าเข้าใจก็จะเล่นได้สนุกไม่แพ้เกมอื่น ๆ ไม่ว่าจะเล่นกับบอท เล่นกับเพื่อน หรือเล่นออนไลน์ สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นหรือคนที่อยากหวนคืนวันวาน ก็สามารถหาซื้อ 3 ภาคดังกล่าวรวมไปถึงภาคอื่น ๆ ได้ผ่านทาง Steam และ GOG.com 

เครดิตรูปภาพ : https://store.steampowered.com/app/327030/Worms_WMD/

เกมออนไลน์ที่สาย Solo ก็เล่นด้วยได้อย่างสบายใจ

การเล่นร่วมกับเพื่อนหรือคนแปลกหน้าที่พบเจอในเกมอาจจะถือเป็นเรื่องปกติมากสำหรับการเล่นเกมออนไลน์ แต่ก็จะมีผู้เล่นเกมออนไลน์บางส่วนเหมือนกัน ที่รู้สึกว่าการเล่นแบบเป็นทีมนั้นไม่ตอบโจทย์พวกเขาสักเท่าไร แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังอยากมีส่วนร่วมกับเกมออนไลน์อยู่ดี ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาแนะนำเกมออนไลน์ที่ไม่บังคับให้เราหาทีม เล่นคนเดียวก็อยู่ได้

1.Black Desert

Black Desert เป็นเกมประเภท MMORPG ที่จะให้เราเลือก 1 ใน 19 อาชีพและออกไปผจญภัยในโลกกว้างเพื่อค้นหาความทรงจำที่ถูกลบเลือนหายไป โดยมีสิ่งมีชีวิตเรียกว่า ภูติดำ ติดตามไปทุกหนทุกแห่ง

ระบบของเกมนี้เอื้ออำนวยต่อการเล่นคนเดียวอยู่พอสมควร เนื่องจากมอนส์เตอร์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยยากเกินความสามารถของผู้เล่นคนเดียว ถ้ายากเกินไปก็ยังสามารถหาซื้อไอเทมจากมอนส์เตอร์ตัวนั้นได้ในตลาดกลาง (เมื่อมีคนนำมาวางขาย) และสามารถผันตัวไปสาย Life Skill ที่ไม่จำเป็นต้องยุ่งกับใครได้ทันที

2.Osu!

Osu! เป็นเกมประเภท Rhythm จากปี 2007 ที่จะให้เรากดปุ่มบนจอ, ตีกลอง, รับผลไม้ หรือกดปุ่มที่ไหลลงมา ตามจังหวะเพลงให้ทันเวลา เพื่อรักษาคอมโบ และทำคะแนนให้ได้เยอะมากที่สุด

โหมด Multiplayers ของเกมนี้มีไว้สำหรับบันทึกสถิติที่เคยทำได้ และมีไว้เข้าไปประชันฝีมือหรือพูดคุยกับผู้เล่นอื่น ในส่วนของการประชันฝีมือจะเป็นการเล่นแมพที่หัวหน้าห้องเลือกไว้พร้อมกันทั้งห้อง มีทั้งแบบเดี่ยวและแบบทีม ซึ่งในแบบทีมจะเป็นเพียงการนำคะแนนที่ทำได้ของทุกคนในทีมมารวมกันและนำไปวัดกับคะแนนของอีกทีมเท่านั้น

3.เกมแนว Battle Royale

Battle Royale คือหนึ่งในแนวเกมประเภท Shooting ที่จะส่งเราไปอยู่บนพื้นที่แห่งหนึ่ง เป้าหมายก็คือให้เราต่อสู้กับผู้เล่นคนอื่นที่อยู่ในรอบเดียวกัน และอยู่รอดให้ได้เป็นคนหรือทีมสุดท้ายของรอบนั้น ๆ โดยแนวเกมนี้จะได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สัญชาติญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งที่มีชื่อว่า Battle Royale

เกมแนวนี้แทบทั้งหมดจะเปิดโอกาสให้เราสามารถเล่นคนเดียวได้อยู่แล้วตามความความต้องการ แต่การเอาชนะเกมนั้นทำได้ยากกว่าการเล่นแบบเป็นทีมหลายเท่าตัว เนื่องจากเราจะไม่มีเพื่อนคอยซัพพอร์ตไอเทมหรือระวังหลังให้ ต้องพึ่งพาฝีมือของตัวเองล้วน ๆ จึงทำให้หลายคนไม่ค่อยแนะนำให้ลองในช่วงที่เพิ่งเริ่มเล่น

ยังมีอีกหลายเกม ทั้งแบบฟรีและเสียเงิน ที่เอื้ออำนวยต่อการเล่นคนเดียว บางเกมมันก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งที่เหล่าผู้เล่นจะต้องลองเผชิญ แต่บางเกมทีมผู้พัฒนาก็ตั้งใจให้มีเพื่อสนับสนุนผู้เล่นที่มาคนเดียวอยู่แล้ว เพราะเข้าใจว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถพาเพื่อนมาเล่นด้วยได้ และไม่ใช่ทุกคนที่ชอบการเล่นแบบเป็นทีม